มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นิติศาสตร์ ภาคบัณฑิต 54
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

คำแนะนำการเรียนจากคุณ ฐิติมา แซ่เตีย ภาคบัณฑิต 50 (ที่1 เนฯ)

Go down

คำแนะนำการเรียนจากคุณ ฐิติมา แซ่เตีย ภาคบัณฑิต 50 (ที่1 เนฯ) Empty คำแนะนำการเรียนจากคุณ ฐิติมา แซ่เตีย ภาคบัณฑิต 50 (ที่1 เนฯ)

ตั้งหัวข้อ  Admin Mon Jun 20, 2011 9:21 am

Date: Sun, 19 Jun 2011 12:08:32 +0800
From: [You must be registered and logged in to see this link.]
Subject: ขอชื่นชมคุณฐิติมา จากนิติ ธรรมศาสตร์ 54
To: [You must be registered and logged in to see this link.]

ขอแสดงความชื่นชมและยินดีด้วยกับ คุณฐิติมา แซ่เตีย ในการประสบความสำเร็จในการสอบ
และสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสถาบัน นอกจากนั้นเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้
กับรุ่นน้อง ๆ นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ภาคบัณฑิต ทุก ๆ คน

ทั้งนี้หากมีสิ่งใดพอจะแนะนำรุ่นน้องในการศึกษา นิติศาสตร์ ได้ก็จะเป็นประโยชน์และขอขอบคุณล่วงหน้า

ขอแสดงความชื่นชมและยินดีด้วยอีกครั้ง
นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ภาคบัณฑิต รุ่น 54

* ปล. หากมีเอกสารใดที่อยากจะเผยแพร่ให้น้อง ๆ สามารถส่งทาง email นี้ได้
เพื่อจะได้นำไปเผยแพร่ในกระดานข่าวของรุ่น 54
(ขออนุญาติล่วงหน้าในการเผยแพร่ผ่านกระดานข่าวของรุ่นหากไม่ประสงค์ให้เผยแพร่ประการใดโปรดแจ้งให้ทราบด้วย)

[You must be registered and logged in to see this link.]

*********************************************************************

ขอบคุณมากค่ะ
ข้างล่างนี้เป็นคำแนะนำที่หลาส่งให้ทุกคน ถ้าเห็นว่าพอจะมีประโยชน์แก่รุ่นน้อง ก็เอาไปลงในกระดานข่าวของรุ่นได้ค่ะ หลาอนุญาตค่ะ
ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมก็ถามมาได้นะคะ (แต่ขอเป็นเรื่องการปฏิบัติตัวของหลานะคะ ไม่กล้าตอบคำถามทางวิชาการค่ะ กลัวตอบผิด ^_^)


สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อเล่น ชื่อ หลา ค่ะ เข้าเรียนบัญชีจุฬารหัส 44 ตอนนี้ก็น่าจะรู้ว่าใครเป็นพี่เป็นน้องแล้วเนาะ เรียกได้ตามสบายนะคะ ไม่ต้องเรียกคุณ หรือท่านนะคะ เราเป็นคนธรรมดาค่ะ คุยเป็นพี่เป็นน้องดีกว่าเนาะ จะได้สนิทกัน

อันนี้เป็นคำแนะนำที่เราจะ copy ส่งให้ทุกคนเหมือนกันหมดนะคะ ใครมีคำถามเพิ่มเติมก็เมลมาอีกทีนะคะ

ก่อนอื่นเราขอขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ เราไม่ได้เป็นคนเก่งหรอกค่ะ เคยมีอาจารย์ที่เนติท่านหนึ่งพูดไว้ว่า การจบเนติ ไม่ได้วัดว่าเราเก่งหรือไม่เก่ง แต่วัดว่าเรามีวินัยกับตนเองมากแค่ไหน ถ้าตั้งใจจะอ่านวันละเท่าไหร่แล้วเราทำได้ตามนั้นรึเปล่าค่ะ
เคล็ดลับของเราคือ เรายึดตัวบทเป็นสรณะค่ะ ท่อง ท่อง ท่องแล้วก็ท่อง รู้สึกว่าของภาค 1 เราท่องวันละประมาณ 10 มาตราค่ะ (เริ่มตั้งแต่วันเปิดเทอมวันแรก) ไม่ถึงกับทุกมาตรา แต่ดูมาตราที่ออกสอบบ่อยประมาณ 15 ปีย้อนหลัง ที่ต้องท่องเพราะเราชินมาตั้งแต่อยู่ ธรรมศาสตร์ค่ะ เวลาเขียนตอบข้อสอบ ถ้าเราใช้คำในกฎหมาย จะได้คะแนนดีมาก เราแนบตัวอย่างการเขียนตอบข้อสอบที่เราเคยทำส่ง อ.สมัย ธรรมศาสตร์ มาให้ดู เราก็ยังใช้วิธีเดียวกันนี้กับที่เนติค่ะ แต่เราไม่แนะนำวิธีเขียนแบบเรานะคะ เพราะข้อนึงเขียนประมาณ 2-3 หน้าสมุดคำตอบ ซึ่งที่ 1 เนติรุ่นก่อนๆ เค้าว่าเค้าเขียนไม่เกิน 1 หน้าทั้งนั้นเลยค่ะ ถ้าจะเขียนแบบเรา คุณต้องแม่นตัวบทมากๆ นะคะ และก็ต้องลองหัดเขียนดู ข้อนึงต้องไม่เกิน 20 นาทีค่ะ

เรื่องตำรา เราแนะนำว่าที่ต้องมีคือ ข้อสอบเก่าค่ะ ที่เนติมีขายน่าจะซัก 20 ปีย้อนหลัง ควรอ่าน(ฝึกคิด) ให้ได้ซัก 10 ปีเป็นอย่างน้อย ถ้ามีเวลาก็ควรลองหัดเขียนจริงแบบจับเวลา สมมติว่าอยู่ในห้องสอบ อย่างน้อย 1 ปี

นอกจากนี้ก็รวมคำบรรยายค่ะ เป็นการถอดเทปจากที่อ.ภาคกลางวันบรรยายให้ห้องเรียน จะออกสัปดาห์ละเล่ม ควรรีบตามอ่านให้จบในแต่ละสัปดาห์ไปค่ะ การสั่งจอง ดูได้ที่เว็บเนติค่ะ

ตำรา เราอ่านแค่นี้จริงๆ ค่ะ แต่อ่านหลายๆ รอบหน่อย เพราะข้อสอบออกไม่พ้นไปจากนี้ค่ะ หนังสืออื่น แนะนำว่าไม่ต้องซื้อค่ะ เด๋วอ่านไม่ทันแล้วมันจะลน เลือกโน่นจับนี่อยู่นั่น สุดท้าย อ่านไม่จบซักอย่าง อิอิ

การเข้าเรียน
ที่เนติจะมีสอนภาคกลางวัน ภาคค่ำ ภาคทบทวน(วันอาทิตย์) ซึ่งอ.ภาคกลางวันและภาคค่ำ ต่างมีสิทธิออกข้อสอบได้ทั้งคู่ค่ะ ซึ่งเราไม่รู้ว่าข้อสอบของอ.ท่านใดจะได้รับเลือก (อ.จะประชุมกันเลือกข้อสอบในเช้าวันสอบค่ะ)
ถ้าคุณไม่ได้ทำงาน เราแนะนำให้อ่านคำบรรยาย ภาคกลางวันให้ครบ และเข้าเรียน ภาคกลางวันเพียงบางวิชาก็พอค่ะ เช่น อ.เกียรติขจร อ.ม.ล. ไกรฤกษ์ อ.ม.ล เฉลิมชัย อ.ชัยสิทธิ์ เหล่านี้ ควรเข้าฟังเป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะข้อสอบท่านมักได้รับเลือกบ่อย และท่านจะมีเน้นที่สำคัญให้ตลอด

ส่วนวิชาที่เหลือก็เข้าฟังภาคค่ำค่ะ จดเลคเชอร์ด้วยตัวเองให้ละเอียด และนำมาอ่านทบทวนก่อนสอบซัก 2-3 รอบ



อันนี้เป็นส่วนที่ตอบคำถามเพิ่มเติมในเว็บบอร์ดนะคะ

เเล้วคุณเจ้าของกระทุ้ ท่องตัวบทด้วยวิธีการใดครับ
1.ท่องไปด้วยเขียนตัวบทไปด้วย
2.หรือท่องเอาให้ติดปาก คาตาเลยครับ คือไม่เครียดเหรอครับ จริงๆก็จะถามว่าคุณท่องตัวบทเเล้วจำได้ทั้งหมดไม่เครียดเหรอครับ ผมอยากจำได้อย่างนั้นบ้าง เเต่ผมเครียดเลยใช้วิธีจำหลักเอาด้วย ท่องด้วยครับ (คือบางคนก็อาศัยดุบ่อย สร้างความคุ้นเคยบ่อย เเบบนี้ท่องไม่ได้ เเต่อาศัยจำหลักคร่าวๆ บางทีก้ลืมน่ะเพราะไม่เเม่น)
3.เเล้วคุณมีเทคนิคในการท่องตัวบทให้จำได้อย่างไร คือคุณคิดว่าอะไรที่ทำให้คุณสามารถจดจำตัวบทได้เเม่นยำ โดยที่ไม่เครียดครับ

ตอบ

เรื่องการท่องตัวบท เราจะท่องจำแบบทุกคำเลยค่ะ เวลาปรับบทจะได้คะแนนดี ถ้าเราใช้คำในตัวบท ว่างเมื่อไหร่ก็หยิบประมวลเล่มเล็กขึ้นมาท่อง เป็นคนไม่มีเพื่อนนั่งเรียนทีเนติค่ะ เวลาเหงาๆ ก็เอาตัวบทเป็นเพื่อน ท่องไปท่องมา มันก็จำได้เอง พอวันนี้ท่อง 10 มาตรา พรุ่งนี้เอาอีก 10 มาตรา แต่ก่อนเริ่มของใหม่ ต้องทวนของเก่าก่อนเสมอ ห้ามได้ใหม่ลืมเก่าเด็ดขาดนะคะ

เวลาขับรถหรือเดินทางก็ท่องในใจเป็นกลุ่มๆมาตราที่เกี่ยวข้องกัน

ใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่าค่ะ ถามว่าเครียดมั้ย ก็ต้องเครียดอยู่แล้วเนาะ ก็อาศัยสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นการคลายเครียดในแต่ละวันค่ะ และที่สำคัญ พอผลสอบออกมา หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ

ลองนึกถึงหน้าคุณพ่อคุณแม่นะคะ แล้วจะมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย

ข้อดีของการท่องตัวบทก่อนเข้าฟังการบรรยาย คือ เวลาอาจารย์พูดถึงมาตราที่เราท่องมาแล้ว เราจะทำความเข้าใจในมาตรานั้นๆ ได้เร็วขึ้นค่ะ ไม่ต้องคอยพลิกคอยเปิดตัวบทให้วุ่นวาย แล้วจะได้ lecture แต่ส่วนที่ไม่อยู่ในตัวบท ก็จะได้เร็วขึ้นค่ะ

1.นอกจากคำบรรยายเเล้ว ได้อ่านหนังสือรวมฎีกาบ้างมั้ยครับ ประเภทพิสดารอะไรงี้ครับ (คือที่ถามอันนี้รุ้ว่าเเต่ละคนไม่เหมือนกัน เเละมีจำนวนไม่น้อยที่อ่าน รวมฎีกา จาก จร.รวมทั้งผมด้วย)
2.คือทราบว่าเลือกในการเข้าฟังบรรยายบางวิชาเเต่อยากทราบว่าคุณเจ้าของกระทุ้ เข้าฟังคำบรรยายภาคค่ำหรือภาคปกติมากกว่ากัน
3.เเบ่งเวลาในเเต่ละวันอย่างไรครับ เอาช่วงไหนของวันในการทวน / ท่องตัวบทครับ เริ่มตั้งเเต่ตื่นเช้า กลางวัน ถึงเข้านอน ก็ดีครับ คือมีกิจวัตรปกติในการอ่านหนังสืออย่างไรครับ เช่นบางคนอ่านเป้นรายวิชา บางคนอ่านให้ทันใน1เล่ม ต่อสัปดาห์
4.ปกติใช้เวลาท่องตัวบท/ทวนตัวบทวันละมากน้อยเท่าไหร่ประมาณกี่ชั่วโมงครับต่อวันครับ

1. อ่านคำบรรยายอย่างเดียวค่ะ แต่ประมาณ 3-4 รอบค่ะ (นับถึงวันสอบ) แต่ละรอบที่อ่านก็ทำสัญลักษณ์ไว้ว่ารอบต่อไปจะอ่านเฉพาะจุดไหน ไม่ได้อ่าน 100% 4 รอบค่ะ
2. เน้นเข้าฟังภาคค่ำค่ะ เพราะภาคกลางวันเราอ่านในรวมคำบรรยายได้
3. ไม่ได้ fix เวลาแน่นอนตายตัว เริ่มอ่าน 8.00 น. นอน 23.00 น. ช่วงที่ไม่ได้เข้าเรียนก็อ่านตลอด
ส่วนท่องตัวบทจะเอาเวลาหลังทานอาหารแต่ละมื้อค่ะ (เป็นคนมีพุงค่ะ น่าเกลียดมาก มีคนบอกมาว่ากินเสร็จอย่าเพิ่งนั่ง) ช่วงที่เดินย่อยอาหารก็จะท่องตัวบทไปด้วย เฉลี่ยวันละ 2-3 ชั่วโมง
4. อ่านให้จบเป็นเล่มๆ ไปค่ะ คำบรรยายที่ออกวันจันทร์จะอ่านให้จบภายในวันอังคาร ส่วนวันอื่น จะเอาคำบรรยายของสมัยก่อนมาอ่าน + ทำโน้ตย่อไปด้วย ค่ะ

ต่อไปนี้ เป็นความเชื่อส่วนตัวของเรา ใครที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ จะไม่อ่านก็ได้นะคะ อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจยากสำหรับท่าน

เราเป็นคนที่อ่านหนังสือค่อนข้างเร็วค่ะ รวมคำบรรยาย แต่ละเล่มใช้เวลาประมาณ 2 วัน น่าจะเป็นเพราะฝึกสมาธิด้วย ยังไงถ้ามีเวลา คุณเจียดเวลานอนวันละครึ่งชั่วโมง สวดมนต์ นั่งสมาธิดูนะคะ (ถ้าคุณนับถือศาสนาพุทธนะ) เราสวดคาถาชินบัญชร พาหุงฯ และคาถาพระมหาจักรพรรดิเป็นประจำค่ะ (ก่อนสวดมนต์ต้องสมาทานศีล 5 ก่อนนะคะ) บางทีบุญกุศลก็ช่วยหนุนนำให้เราได้เจอแต่สิ่งดีๆ และประสบความสำเร็จได้นะคะ (หลังสวดมนต์เราจะขอพรพระ ขอให้จบเนติใน 1 ปีด้วยค่ะ) ทาน ศีล ภาวนาก็ขอให้ทำอย่าได้ขาด เคยได้ยินมั้ยคะว่า ศีล จะเป็นเครื่องป้องกันเราจากสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ทั้งปวง ตั้งแต่เราสมาทานศีล 5 ก่อนนอนทุกคืน เราได้พบเจอแต่กัลยาณมิตรมาโดยตลอด คนไม่ดี ไม่จริงใจ ก็ทยอยออกไปจากชีวิต จนทุกวันนี้ เรียกได้ว่า เราเหลือแต่คนที่จริงใจแล้วจริงๆ (ไม่เยอะหรอกค่ะ) เวลาฟังพระธรรมเทศนา พระคุณเจ้า ท่านจะสอนเหมือนๆ กันว่า ศีลช่วยให้เรา สวย รวย รอด ค่ะ

นอกจากนี้ บุญอันหนึ่ง ที่เราคิดว่ามีส่วนทำให้เราเรียนหนังสือเก่งก็คือ เราจะพิมพ์หนังสือธรรมะแจกทุกปีค่ะ ไม่เยอะหรอกค่ะ ตามกำลัง ปีหนึ่งประมาณ 2-3 ร้อยเล่ม ให้เค้าพิมพ์ชื่อเราและครอบครัวลงไป ทำมาต่อเนื่องประมาณ 10 กว่าปีแล้ว ถ้าท่านพอจะมีหนังสือธรรมะอยู่ใกล้ตัว ลองหยิบมาเปิดดูอานิสงส์ของการให้ธรรมทานดูนะคะ



สุดท้ายนี้ สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะฝากทุกท่านไว้ก็คือ ความกตัญญูกตเวทีค่ะ ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ หรือครูบาอาจารย์ ขอให้เคารพท่านเถิดค่ะ อย่าทำให้ท่านเสียใจ แล้วความเจริญทั้งหลายจะเกิดมีขึ้นแก่ท่านอย่างแน่นอน เราเองก็ไม่ใช่คนดีหรอกค่ะ สมัยก่อนที่จะเริ่มศึกษาธรรมะ เคยทำให้แม่เสียใจก็หลายหน พลาดพลั้งล่วงเกินท่านทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจก็หลายครั้ง แต่เรายังโชคดี ที่พ่อแม่ยังอยู่ มีโอกาสให้เราได้แก้ตัว ท่านอยู่กับเราไม่นานหรอกค่ะ ขอขมาท่านซะ แล้วรับพรจากท่าน พรจากพระอรหันต์ของเรานี้แหละ ประเสริฐกว่าพรใดๆ แล้ว ถ้าใครได้อยู่กับพ่อกับแม่ ก่อนนอนลองกราบเท้าท่านดูนะคะ ถ้าเรากลับไปที่บ้าน ถ้าได้นอนกับแม่ เราจะกราบเท้าท่านทุกคืน แล้วท่านก็ให้พรเรา ทำอย่างนี้ มานานแล้วค่ะ ชีวิตก็เป็นไปอย่างที่ท่านให้พร เคยได้ยินมั้ยคะว่า คำพูดของพ่อกับแม่ที่พูดกับลูก ค่อนข้างจะเป็นวาจาสิทธิ์นะคะ

สุดท้ายของสุดท้าย เรื่องการอธิษฐาน เคยได้ยินมั้ยคะว่า เราสามารถอธิษฐานขอสิ่งที่เราปรารถนาได้นะคะ ทุกครั้งที่เราทำบุญเสร็จ ไม่ว่าบุญใดก็ตาม เราจะอธิษฐานว่า ด้วยบุญกุศลทั้งหมดที่ลูกเคยสั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ขอได้โปรดดลบันดาลให้ลูก..... สังเกตได้ว่าเราไม่ได้ขอเปล่าๆ นะคะ ใช้บุญเก่าของเรานั่นแหละ เป็นสิ่งแลกเปลี่ยน เคยยินคำสอนของหลวงปู่โต มั้ยคะ ที่ว่า บุญเจ้าไม่เคยสร้าง แล้วใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า ลองหามาอ่านดูนะคะ ดีมากๆ เลย เรายึดถือเป็นสรณะเลยก็ว่าได้

นึกไม่ออกแล้ว ถ้าสงสัยอะไรก็ถามมาได้ค่ะ ถ้ารู้ก็จะตอบให้ค่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ ถามมาได้ตลอด
สำหรับช่วงใกล้เปิดเทอมนี้ เราแนะนำให้เติมบุญไว้มากๆ นะคะ แล้วก็ลองหาข้อสอบเก่ามาดู และเริ่มท่องตัวบทมาตราที่ออกสอบบ่อยๆ ไว้ค่ะ

อ้อ เรื่องอาหาร เราก็กินเหมือนคนทั่วไปค่ะ แต่มื้อเช้ากินเจ นอกนั้นก็เน้นผักกับปลาค่ะ

พอดีช่วงที่เรียนเนติเราไม่ได้ทำงานแล้วค่ะเลยมีเวลาอ่านเยอะหน่อย ถ้าเราต้องทำงานไปด้วย อย่าว่าแต่ที่ 1 เลยค่ะ แค่จบปีเดียวก็ยากแล้ว สำหรับคนที่ทำงาน ถ้าไม่อยากเครียดมากเกินไป ก็อยากให้เอาทีละขาค่ะ แต่ถ้าอยากปีเดียวจบ ก็ต้องทำการบ้านเยอะกว่าคนอื่นเนาะ ขอให้คิดซะว่า เวลานอนยังมีอีกมากในหลุมศพนะคะ เราก็คิดอย่างนี้ เวลาขึ้เกียจ อยากนอน



อ้อ สำหรับท่านที่ add msn หรือ facebook มา ตอนแรกว่าจะไม่รับแอดแล้วค่ะ เพราะไม่ได้เล่นจริงๆ แต่ตอนนี้เอาเป็นว่า เราจะรับแอดทุกท่านนะคะ แต่ถ้าใครมาเม้นต์แล้วเราไม่ได้เม้นต์ตอบ อย่าโกรธกันนะคะ

ลืมบอกไป แฟนเราชื่อเก่งค่ะ ชื่อเมลก็เลยเป็นแบบนี้ ไม่ได้หลงตัวเองนะคะ ใครที่รู้จักเรา จะรู้ว่าเราย้ำอยู่เสมอว่าเราไม่ใช่คนเก่ง เราแค่ขยัน แล้วก็มุมานะ แค่นั้นเอง

อันนี้เป็นตัวอย่างที่ว่าค่ะ อาจารย์ที่ท่านเมตตาตรวจให้ ท่านให้คะแนนเต็ม ตอนนี้ท่านได้เป็นผู้พิพากษาแล้วค่ะ

เราหาโจทย์ไม่เจอ ลองอ่านคำตอบดูนะคะ เป็น อาญา ภาคทั่วไปค่ะ

ประเด็น

1. ความรับผิดของนายสุดโหด ในฐานะผู้ลงมือกระทำความผิด

2. ความรับผิดของนายขาว โดยพิจารณาเรื่องผู้ใช้ให้นายสุดโหดกระทำความผิด

3. ความรับผิดของนายดำ โดยพิจารณาเรื่องผู้สนับสนุนให้ผุ้อื่นกระทำความผิด

4. ความรับผิดของนายชู โดยพิจารณาเรื่องผู้สนับสนุนให้ผุ้อื่นกระทำความผิด



หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

1 ป.อ. มาตรา 288 วางหลักไว้ว่า ผู้ใดฆ่าผู้อื่น....

2. ป.อ. มาตรา 295 วางหลักไว้ว่า ผู้ใดผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย…..

3. ป.อ. มาตรา 84 วางหลักไว้ว่า ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด.... ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด

4. ป.อ. มาตรา 86 วางหลักไว้ว่า ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดแม้ผู้กระทำ ความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น

5. ป.อ. มาตรา 87 วางหลักไว้ว่า ในการกระทำความผิดเพราะมีผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด ถ้าผู้กระทำความผิดได้กระทำเกินขอบเขตที่ใช้ โดยหลักแล้ว ผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนรับผิดเพียงที่อยู่ในขอบเขตที่ใช้หรือสนับสนุน เว้นแต่จะเล็งเห็นได้ว่า จะมีการกระทำเกินขอบเขตที่ใช้หรือสนับสนุน จึงจะต้องรับผิดตามความผิดที่เกิดขึ้นจริง



การปรับบท

ความรับผิดของนายสุดโหดต่อนายม่วง

การที่นายสุดโหดยิงนายม่วงที่แขนจนได้รับบาดเจ็บนั้น ถือได้ว่านายสุดโหดได้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นตามมาตรา 295 แล้ว เนื่องจากนายสุดโหดได้กระทำไปโดยรู้สำนึกในการกระทำของตัวเอง และมีผลเกิดคือ การบาดเจ็บของนายม่วงซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการยิงของนายสุดโหด และนายสุดโหดก็ได้ทำไปโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลในความบาดเจ็บของนายม่วง ดังนั้น เมื่อครบองค์ประกอบของโครงสร้างความรับผิดทางอาญาแล้ว นายสุดโหดจึงต้องรับผิดฐานทำร้ายร่างกายนายม่วง ตามมาตรา 295

หลังจากที่ยิงไปแล้ว นายสุดโหดกำลังจะกลับออกไป แต่นายม่วงกลับร้องขอให้นายสุดโหดฆ่าตน และนายสุดโหดก็ได้ลงมือยิงนายม่วงจนถึงแกความตาย ดังนี้ ถือได้ว่านายสุดโหดได้มีการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 แล้ว และเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกและมีเจตนาประสงค์ต่อผลคือ ความตายของนายม่วง เมื่อนายม่วงถึงแก่ความตาย ซึ่งถือเป็นผลโดยตรงจากการยิงนั้น โดยหลักแล้ว นายสุดโหดต้องรับผิดฐานฆ่าผู้อื่น ตามมาตรา 288 แล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะพิจารณาลงโทษนายสุดโหดจะต้องพิจารณาต่อไปว่า นายสุดโหดมีอำนาจกระทำเพื่อที่จะได้รับยกเว้นความผิด หรือมีเหตุยกเว้นโทษหรือเหตุลดโทษอย่างอื่นหรือไม่ ซึ่งโดยปกติแล้ว จะมีหลักความยินยอม ที่อาจจะทำให้ผู้กระทำความผิดมีอำนาจกระทำและไม่ต้องรับผิดได้ ดังนั้น จึงต้องพิจารณาว่า การที่นายม่วงขอร้องให้สุดโหดยิงตนเองนั้น จะถือเป็นการยินยอมได้หรือไม่ เรื่องนี้ หลักของความยินยอมที่จะทำให้ผู้กระทำมีอำนาจกระทำจะต้อง เป็นความยินยอมโดยบริสุทธิ์ ไม่ขัดต่อสำนึกหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนและมีอยู่ถึงขณะที่มีการกระทำความผิด ซึ่งต้องครบองค์ประกอบทั้ง 3 ข้อ แต่การที่ยินยอมให้ฆ่าตัวเองนั้น แม้นายม่วงจะได้ยินยอมโดยสมัครใจ อันถือเป็นความยินยอมอันบริสุทธิ์และมีอยู่ถึงขณะกระทำความผิด แต่เป็นการยินยอมที่ขัดต่อสำนึกหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้น การยินยอมให้ฆ่าของนายม่วงจึงไม่ทำให้นายสุดโหดมีอำนาจกระทำได้ นายสุดโหดต้องรับผิดฐานฆ่าผู้อื่น ตามมาตรา 295

การกระทำของนายสุดโหดข้างต้น เป็นการกระทำความผิดหลายกระทง เนื่องจากมีหลายการกระทำต่างฐานความผิดกัน ดังนั้นต้องลงโทษทั้งสองกระทงเรียงกัน ตามมาตรา 91



ความรับผิดของนายขาว

นายขาวเป็นผู้ว่าจ้างให้นายสุดโหดไปทำร้ายร่างกายนายม่วง จึงเป็นการที่นายขาวก่อใ ห้ผู้อื่น (นายสุดโหด) กระทำความผิด ดังนั้น นายขาวจึงต้องรับผิดในฐานะผู้ใช้ ตามมาตรา 84 และเมื่อนายสุดโหดได้ยิงนายม่วงจนได้รับบาดเจ็บ ถือว่าเป็นการที่ความผิดที่ใช้ได้กระทำลงแล้ว ดังนั้น นายขาวจึงต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้ใช้ในการกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นตามมาตรา 295 ประกอบมาตรา 84

ส่วนการที่นายสุดโหดยิงนายม่วงจนตายนั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำเกินขอบเขต ที่ใช้ และเป็นเหตุการณ์ที่นายขาวไม่สามารถเล็งเห็นได้ว่านายสุดโหดจะทำเช่นนั้น ดังนั้น นายขาวจึงรับผิดเพียงขอบเขตที่ใช้ คือ รับผิดในฐานะเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามมาตรา 295 ประกอบ มาตรา 87 และ 84 เท่านั้น



ความรับผิดของนายดำ

การที่นายดำเป็นผู้หาปืนเพื่อให้นายสุดโหดใช้ยิงนายม่วงนั้น ถือได้ว่าเป็นการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายสุดโหด ก่อนที่จะได้มีการกระทำความผิด ดังนั้น นายดำจึงเป็นผู้สนับสนุน การกระทำความผิดของนายสุดโหดตามมาตรา 86 และเมื่อความผิดที่สนับสนุนได้กระทำลง (นายสุดโหดยิงนายม่วงที่แขนได้รับอันตราย) ดังนั้น นายดำจึงต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้สนับสนุนให้นายสุดโหดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามมาตรา 295 ประกอบมาตรา 86

ความรับผิดของนายชู

การที่นายชูให้ปืนกับนายดำ ทั้งที่รู้ว่าจะเอาไปใช้กระทำความผิด จึงเป็นการที่นายชูได้ให้ความช่วยหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายสุดโหด ก่อนที่จะได้มีการกระทำความผิด ดังนั้น นายชู จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของนายสุดโหด ตามมาตรา 86 และเมื่อความผิดที่สนับสนุนได้กระทำลง (นายสุดโหดยิงนายม่วงที่แขนได้รับอันตราย) ดังนั้น นายชูจึงต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้สนับสนุนให้นายสุดโหดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามมาตรา 295 ประกอบมาตรา 86 เช่นเดียวกับนายดำ

ส่วนการที่นายสุดโหดยิงนายม่วงจนตายนั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำเกินขอบเขต ที่นายดำและนายชูได้ให้การสนับสนุน และเป็นเหตุการณ์ที่นายดำและนายชูไม่สามารถเล็งเห็นได้ว่านายสุดโหดจะทำเช่นนั้น ดังนั้น นายดำและนายชูจึงรับผิดเพียงขอบเขตที่สนับสนุน คือ รับผิดในฐานะเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามมาตรา 295 ประกอบ มาตรา 87 และ 84 เท่านั้น



สรุป

ความรับผิดของนายสุดโหดต่อนายม่วง - รับผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นตามมาตรา 295 และรับผิดฐานฆ่าผู้อื่น ตามมาตรา 288

ความรับผิดของนายขาว - รับผิดในฐานะเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามมาตรา 295 ประกอบ มาตรา 87 และ 84

ความรับผิดของนายดำและนายชู - คือ รับผิดในฐานะเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตามมาตรา 295 ประกอบ มาตรา 87 และ 84

Admin
Admin

จำนวนข้อความ : 49
Join date : 05/06/2011

https://tulaw54.thai-forum.net

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ